20 เมษายน 2024
ฟ้องทิสโก้

เรื่องของคู่กรรมคู่เวรที่บรรดานัก นิยมพึ่งเงินกู้เงินผ่อน จากไฟแนนซ์นั้น มันจะเป็นวิบากกรรมระหว่างกัน เพราะสุดท้ายผู้ที่รับเงื่อนไขไฟแนนซ์โดยไม่ได้อ่านปมซ้อนเงื่อนจะมีความหวังที่“ศาลยุติธรรม”ให้ช่วยตัดสินว่า ใครจะเอาเปรียบใคร?…ฮะฮะฮ่า..!!!
และแล้ว..“คดีอันหน้าฉงน?”ของ ภาษาไทยอันซ้อนความเร้นลับไว้ใน….. The Law of Thailand ภาษาทั่วไปที่บุคคลธรรมด๊าธรรมดาอย่าง“นายทอม- มี่ พสุวัชร์”ไม่เข้าใจ ต้อง“แปลไทยเป็น ไทย”เมื่อได้เข้าไปนั่งฟัง“คดีตัวอย่าง” ของ ศาลแพ่งมีนบุรี ในคดีที่ธนาคาร ทิสโก้ (มหาชน) ตกเป็นจำเลย (คดีหมายเลขดำที่ พ 1841 / 2563) กับบริษัท ออโต้แก๊ส แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด จนรู้สึกว่า 6 ปีที่ไม่ได้ใช้รถ มันข่มขืนใจแค่ไหน?แถมโดนคิดเล็กคิด น้อยตามประสาไฟแนนซ์บ้านประเทศไทย คดีนี้อยากจะร้องยี้ให้ดังๆ…แต่ก็ รอฟังคำ ตัดสินในวันที่16กันยายนนี้ เพราะความจริงจะปรากฏให้โลกรับรู้..ฮู้ฮู“มิสชั่นอิมพอสซิเบิ้ล”ยังอาย..!

ดังนั้นเมื่อ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ตกเป็น“จำเลย”หลายคนคงแปลกใจเหตุไฉน? มันเป็น“งง”.สิ่งที่จี้จุดตรงๆ ให้ “ทิสโก้” คิด.. “ตกลงจ่ายหมดแล้ว จะยึดรถอีกใช่ไหม?” .. “โจทย์”ในที่นี่คือบริษัท ออโต้แก๊ส แอดวานซ์ เทคโนโล ยี จำกัด ได้ถามย้ำถึง3ครั้งแต่ ทนาย“จำเลย”ตอบแบบกำกวม“ตามเอกสารครับ”ความหมายจึง“ใช่”แล้วเบื้องหลังมันคือ อะไร?“ทอมมี่ พสุวัชร์” จะมาขยายความให้เข้าใจ….มาเริ่มกันที่“จำเลย”ซึ่งเป็นเจ้าของกรรม สิทธิ์รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ C180(A/T) ซึ่งเป็นรถ- ยนต์พิพาทในคดีนี้ และปัจจุบันได้มีราคาประเมินเพียงประมาณ 1 แสนบาท จนเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2554“จำเลย”ตกลงให้โจทก์ทำสัญ – ญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อ Benz C180(A/T) ซึ่งเป็นรถยนต์ผลิตในปี 2545 และเป็นรถยนต์ใช้แล้วในราคาเช่าซื้อทั้งสิ้น 850,000 บาท
เมื่อ“โจทก์”ผิดสัญญาเช่าซื้อฯด้วยการ ไม่ได้ส่งค่างวด จนเป็นเหตุให้“จำเลย”ใช้สิทธิ์ ในการเสียโอกาสมีค่าปรับวันละ 300บาทค่าดอก เบี้ยและค่างวดอย่างเต็มพิกัดไม่ยอมลดและให้“โจทก์” ส่งมอบรถยนต์พิพาทคืน หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน 554,000บาท พร้อมค่าเสีย หายอื่นปรากฏตามสำเนาคำฟ้อง“จำเลย”จึง ต้องดำเนินการในขั้นตอนของการบังคับคดี….จนเป็นเหตุให้ “โจทก์”ต้อง ไปกู้เงินมาเคลียร์บัญชีทั้งหมดที่ค้างกับ “จำเลย”เพื่อหวังจะได้ ใช้“รถเจ้าปัญหา”ตามที่ศาลได้สั่งให้ชำระหนี้ เมื่อศาลสั่งลงมา“โจทก์” ก็ปฎิบัติตาม…แลัวไฉนเลย?“จำเลย”เริ่มงอน เพราะยัง ไม่แฮปปี้คำตัดสินหวังขอเงินเพิ่มกับ “โจทก์” อีกเป็นเงินแสน ทำให้เรื่องไม่จบลงง่ายๆ เมื่อ“จำเลย”ยังมุทะลุที่จะขอเพิ่ม จน“โจทก์”ไม่ไหวจะเคลียร์“รถก็ไม่ต้องขับ” ทิ้งใหัมันนอนนิ่ง ไม่สามารถไปต่อทะเบียนได้ ถึง 6 ปี ทำให้ “โจทก์”จึงจำเป็นต้องพึ่ง สำนักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 3นำเงินไปวางเพื่อเป็นตัวกลาง ( ต้องขอบคุณทนายศาล ที่ให้ความ กระจ่างและแนะนำ) เพราะ “จำเลย”งอนไม่ ยอมรับเงิน แถมรายงานต่อศาลเองว่า สำนักงานบังคับคดีแพ่งฯได้มาบังคับ“โจทก์”เอง..?? จึงเป็นที่มาของการสู้ศึกของ“หนูกับราชสีห์”
ดังนั้นทางสู้ของ“จำเลย”ที่แจงต่อศาลว่า “โจทก์”์ได้รับมอบรถยนต์จาก“จำเลย”ตามสัญญาเช่าซื้อเรียบร้อยแล้วรถยนต์อยู่ในความครอบครองของ“โจทก์”และการใช้รถยนต์นั้นก็สามารถดำเนินการต่อทะเบียนและเสียภาษีเพื่อใช้รถยนต์ได้เองตามกฎหมาย…!!มันเลยทำให้“ทอมมี่ พสุวัชร์”แปลกใจและเอะใจว่า นี่คือ กลลวงหรือเปล่า? ในเมื่อเล่มทะเบียนอยู่ที่ “จำเลย”การต่อทะเบียน หรือ เสียภาษี มันต้องเป็นหน้าที่“จำเลย”.. ดังนั้น“โจทก์”มีหน้าที่จ่ายเงินให้ “จำเลย” ไปต่อ ทะเบียนและค่าประกันรถใช่ไหม?และอีกประการ..ลองวาดภาพตามมาน่ะ ถ้าขืนขับรถที่ทะเบียนขาดไม่มีประกันถ้าเจออุบัติ หรือ เจอ หน่วยติดตามยึดรถแล้ว ลองนึกสภาพดู“โหดเหี้ยม ไร้เมตตาไหม?” หลังจากนั้น “จำเลย” จะนำไปประมูลขายทอดตลาดเจอราคาต่ำมากทำให้ “โจทก์”ต้องเป็นหนี้เพิ่ม…แล้วไง??เห็นนรกกันเลยน่ะ มันจึงเป็นที่มาของคำว่า“เดอะ คาร์สลีปแอ็ดโฮม”…..ดังนั้นเมื่อ “โจทก์” ผิด สัญญาเช่าซื้อฯ“จำเลย”ก็ไปรับเงิน 493,124 บาทและคืนค่าใช้จ่าย 2,500บาทแก่“จำเลย”และเมื่อ“โจทก์” จ่ายตามขบวนการศาลแล้วทำไม?“จำเลย” ถึงยังไม่ยอมคืนเล่มทะเบียน แก่“โจทก์” ด้วยเหตุผลที่ “ทอมมี่ พสุวัชร์”วินิจฉัย มันหน้าจะจบตั้งแต่ “จำเลย”ยอมไป รับเงินที่ สำนักงานบังคับคดีแพ่งฯแล้ว…..แต่“จำเลย”ยังอ้างว่าไม่สามารถติดตามรถยนต์กลับคืนมาได้ ดังนั้น เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2560 “จำเลย”จึงยื่นคำร้องขอรับเงินส่วนได้ต่อสำ- นักงานบังคับคดีแพ่งกรุงเทพมหานคร 3 และ ยังแถลงสงวนสิทธิ์ไม่โอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้กับโจทก์อีกด้วย จึงถือเป็นการรับเงิน โดยที่จำเลย”ได้มีการโต้แย้งคัดค้านไว้แล้ว (ตามในคำพิพากษาศาลฎีกาที่2671/2550มันแปลว่า อะไรคร้าบ? อ้อ..! มันจะกินรวบครับ..!!!
ดังนั้นเหตุมันจึงไม่จบ แม้จ่ายครบ มันจึงเป็นที่มาของการที่ทำให้“โจทก์” ต้องมาขอความเป็นธรรมจากศาล ใช้สิทธิ์ในการเสีย โอกาสพร้อมดอกเบี้ยตามที่ศาลกำหนด เช่น เดียวกับ“จำเลย”ที่เรียกเก็บเงินจาก“โจทก์”มันถึงจะแฟร์ครับ …!! และ วันที่16กันยายน2565 ที่ “ศาลแพ่งมีนบุรี”จะเป็นวันตัดสิน ความยุติธรรม..ระหว่าง“หนูกับราชสีห์” ส่วนข่าวแว่วๆ มา“สะกิดรูหู” ว่ากระทรวงการคลัง มีแผนที่จะออกกฎหมาย มาควบคุมบรรดา“ไฟแนนซ์”ทั้งหลายที่ชอบเอาเปรียบ “ปชช.” (ประชาชนผู้หลงผิด)และ มิติแห่งความถูกต้อง…ต้องลองมองหน้าประชาชนบ้างน่ะ คร้าบ..จุ๊ๆ รักน่ะจึงเตือน..!!!
“ทอมมี่ พสุวัชร์”