10 กรกฎาคม 2025

เมื่อขบวนการยุติธรรมทำให้คนไทย ต้องตะลึงอีกครั้งกับการตัดสินคดีดัง มันเป็นความผิดคาด ที่สตช.พลาดตรงไหน? ทำให้ “ราช สีห์”หลับไม่ลง ต้องตื่นมาเคลียร์เรื่อง มหากาพย์ของ “นายตู้ห่าว” ที่มีชื่อไทยว่า “นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์” หนุ่มมังกรที่ห้าวหาญใช้ความเก๋า ย้ายฐาน เข้ามาหากินในผืนแผ่นดินไทย มีสายใจและสายใย กับตำรวจไทย อย่างเหนียวแน่น จนกลมเกลียวกับผู้มีบารมีใหญ่คับสตช…???


ดังนั้นเรื่อง“นายตู้ห่าว”ถือเป็นความหละหลวม สะเพร่า, ไม่รอบคอบ ของวงจรยุติธรรมใน สตช. หรือ จะเป็นใจ ไม่อาจจะเดาได้ เพราะความเสื่อมศรัทธาของชาวประชา.. ที่ปล่อยให้มีความกังขาในอำนาจของผู้ปฏิบัติมิชอบ เข้าครอบงำทำให้ความ“ยุติธรรม”ที่คนไทยหวังพึ่งในด่านแรกนั่นคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ไม่เหลือไว้ ให้ไว้วางใจได้ อย่างคดีใหญ่ๆ ที่จบแบบ“เงียบๆ”หรือยกฟ้อง มันมากเป็นพิเศษ?ในรอบ 10ปีที่ผ่านมา..โดยเฉพาะ”จีนเทา” ที่เข้ามาแสวงหาอำนาจรัฐด้วยเศษเงิน แล้วฝังอยู่ทุกพื้นที่ประเทศไทย ดั่งคดีแต่ละคดีที่เป็นคดีสีเทา จะมีความขัดแย้งในหน้าที่ขององค์กรตำรวจทุกครั้ง เพราะระบบบ้านเรา ..บุญคุณต้องทดแทน“นาย”?…เมื่อจีนเทา เข้าถึง“นาย”ได้…โลกก็ไฉไล เช่น คดีนายตู้ห่าว..เข้าตำรา…ตำรวจที่ทำสำนวนอ่อน มีพี่เลี้ยงอย่างอัยการตรวจสอบแล้วยังมิอาจเดาใจศาลที่ให้ความยุติธรรมได้ สุดท้ายยกฟ้อง ฮะฮะฮ่า…!! จะร้องเพลงอะไรดีเพราะที่นี่ประเทศไทย “ปราณีมากกว่าเด็ดขาด?”
“ทอมมี่ พสุวัชร์”คงต้องฝากถึง “บิ๊กต่าย”(พล ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์) ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนที่ 15 ต้องหันมาทบทวนความผิดพลาด ที่ผ่านมาในระบบกฏระเบียบข้าราชการงานของสำนัก งานตำรวจแห่งชาติ…รีบ“สะสาง อย่าให้สะสม”ประชาชนจะได้ชม..และใช้ความกล้าที่จะตรวจสอบยกเครื่องเรื่อง“นายตู้ห่าว”อีกครั้ง อย่าให้“อยุติธรรมเหนือยุติธรรม”…เพราะ“ประวัติศาสตร์”จะได้ลงจารึกในความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ ที่โลกลืมไม่ลง.. ดั่งสุภาษิตเรื่องของ..“ช้างเท้าหน้าเดินเหยียบขี้ ช้างเท้าหลังจะเดินไปเหยียบขี้ตามทำไม? ก็กระโดดข้ามไปเลยสิ” ฮะฮ่า..!! เข้าใจตรงกันน่ะคร้าบ.!!
ดังนั้นเมื่อคดียกฟ้อง เราลองย้อนกลับดู ในการที่“ตำรวจไทยเอาผิดไม่ได้” เริ่มต้นวันที่ 26 ตุลาคม 2565 ตำรวจไปบุกค้นผับ “จินหลิง” ย่านห้วยขวาง ตำรวจเจอทั้งชาวต่างชาติ ยาเสพติด และปืน ก่อนขยายผลเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มทุนสีเทาที่ชี้ไปว่ามี “นายตู้ห่าว” เกี่ยวข้อง ทั้งเป็นผู้เช่าและดูแลผับดังกล่าว ศาลฯได้ออกหมายจับ แต่นายตู้ห่าวก็มามอบตัวสู้คดี พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหา จนอัยการสำนักงานคดียาเสพติด 4 ยื่นฟ้อง นายตู้ห่าวกับพวก ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ (สู้คดีมานานกว่า 2 ปี) จนวันที่10 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ก็พิพากษายกฟ้อง นายตู้ห่าว, ภรรยา และพวกอีก19 คน โดยศาลชี้ว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอและยังสั่งลงโทษอีก 6 คน ในเรื่องยาเสพติด ครอบครองปืน จัดตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรื่องสนับสนุนให้ทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แยกกันไปตามความผิดของแต่ละคน…!!!
โธ่ๆๆ..! เรื่องงามหน้าแบบนี้ยังไม่มีคนของสตช.หรือ “ผู้ที่รับผิดชอบ”(ในอดีต) ออกมาอธิบายให้สังคมเข้าใจ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนหน่อยหรือครับ??เหมือนจะปล่อยให้มันเป็นตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมา คือ “เงียบซ่ะ? เดี๋ยวก็ลืม” เพราะนิสัยไทยจ้า..!!
ล่าสุด บิ๊กโจ๊ก”หรือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.ออกมาเปิด ประเด็นตอกย้ำและ“พาดขา อุ้ย..!พาดพิง” ไปถึง “บิ๊กเด่น”(พล. ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์) ผบ.ตร.ในขณะนั้น เพราะได้สั่งการและแต่งตั้ง “บิ๊กจ้าว” (พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง) มาเป็นหัวหน้าชุดแทน “บิ๊กโจ๊ก”ซึ่งทำคดีมาก่อนในช่วงแรก..เมื่อ“บิ๊กโจ๊ก” หลุดหยุดตามคดีเส้นทางโจร ปล่อยให้พนักงานสอบสวนนครบาลทำต่อ…แต่ “บิ๊กโจ๊ก” ยังเป็นห่วง “แย้มเตือน” บอกพยานหลักฐานที่มีอยู่ในสำนวนไม่เพียงพอที่จะเอาผิด “ตู้ห่าว” ศาลจะยกฟ้องแน่.?แต่คำเตือนนั้น เสมือนลมที่ไม่เข้าหูใครเลยในสตช. ทำให้ผลคดีที่ออกมาในวันนี้ มันจะทำให้ใคร? “หัวเราะหรือร้องไห้”ไหม? แต่ที่รู้“ราชสีห์หลับ”ไม่ลงแน่…รอผู้ที่รับผิดชอบในสตช.“ใจกล้า”ออกมาชี้แจงหน่อย…!! ส่วน นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็มาตอกฝาโรงอีกคน…ได้พูดถึงความผิดพลาดของการทำคดี “นายตู้ห่าว”ซึ่งมีหลายประเด็น ตั้งแต่ การวางแผนจับกุมผิดพลาด กำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ ปล่อยผู้ต้องหาไปมากทั้งที่ยังไม่ได้เก็บข้อมูล โดยเฉพาะผู้ต้องหาที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เป็นตัวการสำคัญ คือนายหวัง เจิ้นหนาน หลานชายนายตู้ห่าว ไม่สามารถจับกุมได้ ซ้ำยังปล่อยนักท่องเที่ยวจีนที่ตรวจฉี่ไม่ม่วง ออกไปแล้วขับรถหนีไป “จีนเทา”ก็ขนของหนี แถมมีเวลาซ่อนยา ตำรวจที่ไปเก็บหลักฐานก็ไม่ครบถ้วน ทั้งสถานที่ รถยนต์ และยังเว้นวรรคตามไปเก็บอีกภายหลัง ต่อมาในวันที่ 27 พ.ย. 2565 รอง ผบ.ตร. อัยการ ป.ป.ส. ไปตรวจที่เกิดเหตุเพิ่มเติมยังพบของกลาง ถาดไม้ หลอดดูด ที่ปั่นจมูก ชิป อุปกรณ์เล่นการพนัน และพบรถของกลางอีก 11 คัน ยังไม่ได้ตรวจค้น แถมยังตรวจค้นรถตู้ของหลานชายตู้ห่าว ทะเบียน 8กภ 1234 กรุงเทพมหานคร ในที่เกิดเหตุ พบอุปกรณ์เสพยาในรถ การทำงานแบบหละหลวม สะเพร่า, ไม่รอบคอบ ของสตช.ทำให้หลักฐานสูญหาย หลายประการ ยังไม่พอยังมีการปล่อยรถของกลาง และ“นายหวัง เทียนฮุย”ผู้ต้องหากลางทางอีก พร้อมปล่อยรถของ เดวิด ฮอลล์ เป็นรถเบนซ์ S Class สีดำ รวมแล้วปล่อยรถของกลางไปอีก 4 คัน แถมผู้ทำสำนวนเป็นหัวหน้าของตำรวจที่ปล่อยรถคืนให้ผู้ต้องหา ว้าว ๆๆ อุ้มกันขนาดนี้เลยน่ะ..!! ส่วนเชิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานสำคัญก็หายไป ( เซิร์ฟเวอร์มี 4 ตัว ในผับ จินหลิง แต่ส่งกล้องให้พิสูจน์หลักฐานแค่ 1 เซิร์ฟเวอร์) จนกระทั่งวันที่ 24 ธ.ค.2565 จึงแจ้งข้อหาฟอกเงินกับคนสนิทและตามด้วย“นายตู้ห่าว”สุดท้ายเจ้าของสำนวนทำผิดพลาดจน ผบ.ตร.(อดีต)และอัยการสูงสุด ต้องตื่นมาทำคดีเอง…โธ่ๆๆ..สุดท้ายตายน้ำตื้นทั้งโขยง.??? งานนี้ต้องร้องเพลง“น่าอาย” ของวงรอยัลสไปร์ท ให้ผู้รักษาความ“ยุติธรรม”(แต่ปาก)ใส่ใจฟัง..เพราะ“สีเทายังขาวได้”มีอะไรไหม?ที่คนไทยทำไม่ได้..และนี่แหละ.!!ที่ดังก้องไปทั่วโลก บอกถึง“ความอับอาย”ในขบวนการยุติธรรมไทย ที่ปล่อยให้“อยุติธรรม”มาอยู่ในสตช.?? มันกายพันธ์มาเป็นคอรรัปชั่น?
ดังนั้น“บิ๊กต่าย”ผู้นำสตช.อย่าชะล่าใจ..ควรรีบปรับกฏเหล็ก สร้างภูมิคุ้มกันให้”จีนเทา”กลัว..เพราะ“จีนเทา”รุ่นใหม่ ไม่กลัวชั่ว มีความกล้าเหนือชั้นเชิง ใช้เงินเป็นเบี้ย เทหมดหน้าตักได้ ถ้าถูกใจ?ดั่งคดีนี้ “มังกรสยาม”เจอ“มังกรจีน”หักเหลี่ยมทิ้งรอยตีนไว้ให้คิด เป็นแผลใจให้สะกิด ไปตลอดชีวิตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ..ชะชะช่า..อาเมน..!!!
ทอมมี่ พสุวัชร์